ฝึกมือกับนักกิจกรรมบำบัด VS ออกกำลังกายแขนกับนักกายภาพบำบัด ต่างกันยังไง
- lalidaskc
- 6 พ.ค.
- ยาว 1 นาที
หากคุณหรือคนในครอบครัวเคยประสบกับภาวะบาดเจ็บ อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือแม้แต่ผู้สูงอายุที่เริ่มสูญเสียความสามารถในการใช้มือหรือแขน อาจเคยได้ยินคำแนะนำให้ ‘ฝึกกับนักกิจกรรมบำบัด’ หรือ ‘ออกกำลังกายกับนักกายภาพบำบัด’ ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้ต่างกันยังไง แล้วควรเลือกฝึกกับใครดี เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมกับอาการและเป้าหมายของผู้รับการฟื้นฟู
นักกิจกรรมบำบัด คือใคร?
นักกิจกรรมบำบัด (Occupational Therapist - OT) เป็นผู้เชี่ยวชาญที่เน้นการฟื้นฟูการทำกิจวัตรประจำวันและการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กของผู้ป่วย เช่น การหยิบจับของ การใช้มือหยิบแปรงสีฟัน แต่งตัว เขียนหนังสือ หรือแม้แต่การทำอาหาร เป้าหมายหลักของกิจกรรมบำบัด คือ การช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยเน้นฝึกทักษะที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันจริง ซึ่งรวมถึงการฝึกมือ นิ้ว การเคลื่อนไหวเล็กๆ ที่มีความละเอียดและซับซ้อน
ตัวอย่างกิจกรรมที่ใช้ในการฝึกมือกับนักกิจกรรมบำบัด เช่น
หยิบลูกปัดเรียงสี
บีบลูกบอลเพื่อเสริมแรงจับ
เขียนชื่อ ฝึกวาดรูป
ฝึกติดกระดุม ถอดเสื้อผ้า
เกมเสริมสมาธิและการประสานงานของมือ-ตา
กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้มือกลับมาใช้งานได้ แต่ยังฝึกสมอง กระตุ้นการเรียนรู้ และเพิ่มความมั่นใจของผู้ป่วยในการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
นักกายภาพบำบัด คือใคร?
นักกายภาพบำบัด (Physical Therapist - PT) คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเคลื่อนไหว และการฟื้นฟูกล้ามมัดใหญ่ พวกเขาเน้นฟื้นฟูให้ร่างกายกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และแข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มแรงกล้ามเนื้อและช่วงการเคลื่อนไหวของข้อ หากแขนของผู้ป่วยมีแรงน้อย ขยับได้ไม่สุด หรือมีอาการติดขัดจากการบาดเจ็บหรือโรคบางอย่าง นักกายภาพบำบัดจะออกแบบการฝึกเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมาใช้งานได้
ตัวอย่างการออกกำลังกายแขนกับนักกายภาพบำบัด เช่น
ยืดกล้ามเนื้อหัวไหล่ ข้อศอก ข้อมือ
ยกแขนด้วยแรงตนเองหรือใช้อุปกรณ์ช่วย
ออกกำลังกายบนอุปกรณ์กายภาพ เช่น ยางยืด, ถุงทราย, ดัมเบล หรือ จักรยานมือ
ความต่างที่ควรรู้ OT กับ PT ไม่เหมือนกัน แต่เสริมกันได้
แม้ว่านักกิจกรรมบำบัด (OT) และนักกายภาพบำบัด (PT) จะมีเป้าหมายร่วมกัน คือ ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ แต่บทบาทของทั้งสองสาขากลับมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในด้านแนวทางการฝึก การใช้อุปกรณ์ รวมถึงเป้าหมายของการฟื้นฟู
จุดเด่นของนักกิจกรรมบำบัด (OT)
เน้นฟื้นฟูความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การแต่งตัว หยิบของ ใช้ช้อนส้อม เขียนหนังสือ
ให้ความสำคัญกับทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่น มือ นิ้ว และการประสานงานระหว่างตากับมือ (Hand-Eye Coordination)
ฝึกผ่านกิจกรรมที่คล้ายกับสถานการณ์จริงในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ผู้ป่วยนำไปใช้ได้จริง
เหมาะกับผู้ที่สามารถเคลื่อนไหวได้บ้างแล้ว แต่อาจยังไม่สามารถจัดการกิจกรรมในชีวิตประจำวันด้วยตนเอง
จุดเด่นของนักกายภาพบำบัด (PT)
เน้นฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวของข้อต่อ และลดอาการปวดบริเวณกล้ามเนื้อ
ใช้การออกกำลังกายที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคล เช่น การยืดเหยียด การฝึกแรงต้าน การฝึกการเคลื่อนไหวของข้อ
เหมาะกับผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว เช่น แขนยกไม่ขึ้น แขนไม่มีแรง กล้ามเนื้ออ่อนแรงจากโรคหรืออาการบาดเจ็บ

แล้วควรเลือกฝึกกับใคร?
คำตอบ คือ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของการฟื้นฟู และบางครั้งควร ทำทั้งสองอย่างควบคู่กัน เพื่อให้ผลลัพธ์ดีที่สุด เช่น
หากผู้ป่วยไม่สามารถยกแขนขึ้นได้เลยหรือกำลังกล้ามเนื้อยังค่อนข้าน้อย เริ่มจากนักกายภาพบำบัด เพื่อเสริมแรงก่อน
เมื่อแขนเริ่มขยับได้ แต่ยังหยิบของไม่ได้ ต่อด้วยนักกิจกรรมบำบัด เพื่อฝึกใช้งานจริง
การทำงานร่วมกันของนักกายภาพบำบัดและนักกิจกรรมบำบัด จึงถือเป็นทีมฟื้นฟูสุขภาพที่ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างยั่งยืน
สรุป
แม้จะมีเป้าหมายคล้ายกัน คือ การฟื้นฟูสุขภาพ แต่นักกิจกรรมบำบัดและนักกายภาพบำบัด มีบทบาทต่างกันชัดเจน หากคุณต้องการให้มือกลับมาใช้งานในชีวิตประจำวันเลือกฟื้นฟูกับนักกิจกรรมบำบัด แต่ถ้าหากคุณต้องการให้กล้ามเนื้อแขนกลับมาแข็งแรง เคลื่อนไหวได้ดี เลือกฟื้นฟูกับนักกายภาพบำบัด และหากต้องการฟื้นฟูแบบครบวงจร การฝึกกับทั้งนักกิจกรรมบำบัดและนักกายภาพบำบัดก็จะช่วยให้การฟื้นตัวเร็วขึ้น เห็นผลชัดเจนมากขึ้นเช่นกัน
"ศูนย์เซ็นจูรี่แคร์ พร้อมดูแลด้วยจุดมุ่งหมายให้ผู้เข้ารับบริการกลับไปใช้ชีวิตให้ใกล้เคียงปกติให้ได้มากที่สุด"

Century Care Center ยินดีให้คำปรึกษา
โทร : 095-713-2222
Line : @ccnh
Facebook : www.facebook.com/CenturyCareCenter
Instagram : www.instagram.com/centurycare.center
Tiktok : www.tiktok.com/@centurycarecenter
Comments